การประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคล
( Personal Accident Insurance )
อุบัติเหตุ ( Accident ) หมายถึง เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลัน และทำให้เกิดผลที่ผู้เอาประกันภัยมิได้เจตนามุ่งหวัง
ส่วนบุคคล ( Personal ) หมายถึง การกำหนดให้เอาชีวิต หรือร่างกายของผู้เอาประกันภัย เป็นวัตถุที่เอาประกันภัย
การประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล ( Personal Accident Insurance – P.A. )
คือ การประกันภัยประเภทหนึ่ง ที่ผู้รับประกันภัย สัญญาว่าจะชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้เมื่อผู้เอาประกันภัยได้รับอุบัติเหตุ อันมีผลจากปัจจัยภายนอกมากระทบร่างกายโดยฉับพลัน และทำให้เกิดการสูญเสียชีวิต อวัยวะ สายตา ทุพพลภาพ หรือค่ารักษาพยาบาล ตามความคุ้มครองที่ได้ตกลงกันไว้ระหว่างผู้รับประกันภัย และผู้เอาประกันภัย
ปกติ การประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล ให้ความคุ้มครองตลอด 24 ชั่วโมง ทั่วทุกหนทุกแห่งทั่วโลก ไม่ว่าระหว่างปฏิบัติภารกิจ หน้าที่การงาน เดินทางท่องเที่ยว ออกกำลังกาย เล่นกีฬา ตลอดจนพักผ่อนในที่พักประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคล ( Personal Accident Insurance )
ข้อตกลงความคุ้มครอง อบ.1
ข้อ 1 : การเสียชีวิต การสูญเสียอวัยวะ สายตา หรือทุพพลภาพถาวรโดยสิ้นเชิง
ถ้าความบาดเจ็บทีได้รับทำให้ผู้เอาประกันภัย เสียชีวิต สูญเสียอวัยวะ หรือทุพพลภาพสิ้นเชิงภายใน 180 วัน นับแต่วันที่เกิดอุบัติเหตุ หรือความบาดเจ็บที่ได้รับทำให้ผู้เอาประกันภัยต้องรักษาตัวติดต่อกันในฐานะ คนไข้ในของโรงพยาบาลและเสียชีวิตเพราะความบาดเจ็บเมื่อใดนั้นก็ดี บริษัทจะจ่ายค่าทดแทนให้ดังนี้
การสูญเสียอวัยวะโดยถาวรสิ้นเชิง
หมายถึง การถูกตัดออกจากร่างกายตั้งแต่ข้อมือ หรือข้อเท้า และให้หมายถึงการสุญเสียสมรรถภาพในการใช้งานของอวัยวะดังกล่าวข้างต้น โดยมีข้อบ่งชี้ทางการแพทย์ชัดเจนว่า ไม่สามารถกลับมาใช้งานได้อีกต่อไป
การสูญเสียสายตา หมายถึง ตาบอดสนิทไม่มีทางรักษาได้อีกต่อไป
บริษัทจะจ่ายค่าทดแทน ตามข้อนี้เพียงรายการที่สูงที่สุด รายการเดียวเท่านั้น
ข้อ 2 : ทุพพลภาพชั่วคราวสิ้นเชิง
ถ้าความบาดเจ็บที่ได้รับทำให้ผู้เอา ประกันภัยตกเป็นบุคคลทุพพลภาพชั่วคราวสิ้นเชิงภายใน 180 วัน นับแต่วันที่เกิดอุบัติเหตุ บริษัทจะจ่ายค่าทดแทนรายสัปดาห์ ให้ในจำนวนเงินต่อสัปดาห์ ตามที่ระบุไว้ในตาราง ตลอดระยะเวลาที่ยังทุพพลภาพอยู่ ( สูงสุดไม่เกิน 52 สัปดาห์ ) หักด้วยจำนวนเงินส่วนแรก ที่ผู้เอาประกันภัย จะต้องรับผิดชอบเองที่ระบุไว้ในตาราง ( ถ้ามี ) บริษัทจะเลิกเหมาจ่ายค่าทดแทนข้อนี้ทันที หลังจากมีกรณีที่ต้องจ่ายทดแทนที่เกิดขึ้นตามข้อตกลงความคุ้มครอง ข้อที่ 1
ข้อ 3 : ทุพพลภาพชั่วคราวบางส่วน
ถ้าความบาดเจ็บที่ได้รับทำให้ผู้เอา ประกันภัยตกเป็นผู้ทุพพลภาพชั่วคราวบางส่วนภายใน 180 วัน นับแต่วันที่เกิดอุบัติเหตุ บริษัทจะจ่ายค่าทดแทนรายสัปดาห์ให้ในจำนวนเงินต่อสัปดาห์ ตามที่ระบุไว้ในตารางตลอดระยะเวลาที่ยังทุพพลภาพอยู่ ( สูงสุดไม่เกิน 52 สัปดาห์ ) ด้วยจำนวนเงินส่วนแรกที่ผู้เอาประกันภัยจะต้องรับผิดชอบเองตามที่ระบุไว้ใน ตาราง ( ถ้ามี ) บริษัทจะเลิกจ่ายค่าทดแทนข้อนี้ทันทีหลังจากมีกรณีต้องจ่ายค่าทดแทนที่เกิด ขึ้นตามข้อตกลงความคุ้มครอง ข้อ1 หรือ ข้อ2
ข้อ 4 : การรักษาพยาบาล
ถ้าความบาดเจ็บที่ได้รับทำให้ผู้เอาประกันภัยต้องรับการรักษาที่โรงพยาบาล โดยแพทย์ ที่มีใบอนุญาตประกอบโรคศิลป์ตามกฎหมาย หรือต้องได้รับการพยาบาลจากแพทย์ที่มีใบอนุญาต บริษัทจะชดเชยค่าใช้จ่ายที่ผู้เอาประกันภัยได้จ่ายไปจริง ซึ่งเกิดขึ้นภายใน 52 สัปดาห์ นับแต่วันที่เกิดเหตุ สำหรับค่ารักษาพยาบาล ค่าการพยาบาล แต่ไม่รวมถึงการจ้างพยาบาลพิเศษ ทั้งนี้ ไม่เกินจำนวนเงินที่บริษัทรับผิดชอบที่ระบุไว้ในตาราง หักด้วยจำนวนเงินส่วนแรกที่ผู้เอาประกันภัยต้องรับผิดชอบเองตามที่ระบุไว้ใน ตาราง ( ถ้ามี ) แต่หากผู้เอาประกันภัยได้รับการชดเชยจากสวัสดิการของรัฐ หรือสวัสดิการอื่นใด หรือจากการประกันภัยอื่นมาแล้ว บริษัทจะรับผิดเพียงจำนวนเงินค่ารักษาพยาบาลและค่าการพยาบาลส่วนที่ขาดเท่า นั้น
ความคุ้มครอง อบ.2
ข้อที่ 1 : การเสียชีวิต การสุญเสียอวัยวะ สายตา การรับฟังเสียง การพูดออกเสียง หรือทุพพลภาพถาวร
ถ้าความบาดเจ็บที่ได้รับทำให้ผู้เอาประกันภัยเสียชีวิต สูญเสียอวัยวะดวงตา สายตา การรับฟังเสียง หรือทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง ภายใน 180 วัน นับแต่วันที่เกิดอุบัติเหตุ หรือความบาดเจ็บที่ได้รับทำให้ผู้เอาประกันภัยต้องรักษาตัวติดต่อกันในฐานะ คนไข้ในโรงพยาบาลและเสียชีวิตเพราะความบาดเจ็บเมื่อใดก็ดี บริษัทจะจ่ายค่าทดแทนให้ดังนี้
การสูญเสียอวัยวะโดยถาวรสิ้นเชิง
หมายถึง การถูกตัดออกจากร่างกาย และให้หมายถึง การสูญเสียสมรรถภาพในการใช้งานของอวัยวะดังกล่าวข้างต้น โดยมีข้อบ่งชี้ทางการแพทย์ชัดเจนว่า ไม่สามารถกลับมาใช้งานได้อีกต่อไป
การสูญเสียสายตา
หมายถึง ตาบอดสนิทและไม่มีทางรักษาให้หายได้ตลอดไป บริษัทจะจ่ายค่าทดแทนตามข้อนี้เพียงรายการเดียวเท่านั้น เว้นแต่กรณีที่มีการสูญเสียนิ้วมือหรือนิ้วเท้าโดยถาวรสิ้นเชิง ตามรายการที่ 1.12 ถึง 1.19 และไม่อาจเรียกร้องค่าทดแทนตามรายการใดรายการหนึ่งในรายการที่ 1.11 ถึง 1.19 ได้ บริษัทจะจ่ายค่าทดแทนให้ตามความสูญเสียที่แท้จริงในแต่ละรายการร่วมกัน แต่ไม่เกินจำนวนเงินทีเอาประกันภัยที่ระบุไว้ในตาราง
ข้อ 2 : ทุพพลภาพชั่วคราวสิ้นเชิง
ถ้ามีความบาดเจ็บที่ได้รับทำให้ผู้เอา ประกันภัยตกเป็นบุคคลทุพพลภาพชั่วคราวโดยสิ้นเชิงภายใน 180 วัน นับแต่วันที่เกิดอุบัติเหตุ บริษัทจะจ่ายค่าทดแทนรายสัปดาห์ให้ในจำนวนเงินต่อสัปดาห์ตามที่ระบุไว้ใน ตาราง ตลอดระยะเวลาที่ยังทุพพลภาพอยู่ ( สูงสุดไม่เกิน 52 สัปดาห์ ) หักด้วยจำนวนเงินส่วนแรกที่ผู้เอาประกันภัยจะต้องรับผิดชอบเองตามที่ระบุไว้ ในตาราง ( ถ้ามี ) บริษัทจะเลิกจ่ายค่าทดแทนข้อนี้ทันที หลังจากที่มีกรณีต้องจ่ายค่าทดแทนที่เกิดขึ้นตามข้อตกลงคุ้มครองที่ 1
ข้อ 3 : ทุพพลภาพชั่วคราวบางส่วน
ถ้าความบาดเจ็บที่ได้รับ ทำให้ผู้เอาประกันภัยตกเป็นบุคคลทุพพลภาพชั่วคราวแบบบางส่วนภายใน 180 วัน นับแต่วันทีเกิดอุบัติเหตุ บริษัทจะจ่ายค่าทดแทนรายสัปดาห์ให้ในจำนวนเงินที่ระบุไว้ในตาราง ตลอดระยะเวลาที่ยังทุพพลภาพอยู่ ( สูงสุดไม่เกิน 52 สัปดาห์ ) หักด้วยจำนวนเงินส่วนแรกที่ผู้เอาประกันภัยจะต้องรับผิดชอบเองที่ระบุไว้ใน ตาราง ( ถ้ามี ) บริษัทจะเลิกจ่ายค่าทดแทนข้อนี้ทันที หลังจากมีกรณีต้องจ่ายค่าทดแทนที่เกิดขึ้น ตามข้อตกลง คุ้มครอง ข้อ 1 หรือ ข้อ 2
ข้อ 4 : การรักษาพยาบาล
ถ้าความบาดเจ็บที่ได้รับทำให้ผู้เอา ประกันภัยต้องรีบการรักษาพยาบาลโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาตประกอบโรคศิลป์ตาม กฎหมายหรือต้องได้รับการพยาบาลจากพยาบาลที่มีใบอนุญาต บริษัทจะชดเชยค่าใช้จ่ายที่ผู้เอาประกันภัยได้จ่ายไปจริง ซึ่งเกิดขึ้นภายใน 52 สัปดาห์ นับแต่วันที่เกิดอุบัติเหตุ สำหรับค่ารักษาพยาบาล ค่าการพยาบาล แต่ไม่รวมถึงการจ้างพยาบาลพิเศษ ทั้งนี้ไม่เกินจำนวนเงินที่บริษัทต้องรับผิดชอบไว้ในตาราง หักด้วยจำนวนเงินส่วนแรกที่ผู้เอาประกันภัยจะต้องรับผิดชอบด้วยตัวเองที่ ระบุไว้ในตาราง ( ถ้ามี )
แต่หากผู้เอาประกันภัยได้รับการชดเชยจากสวัสดิการของรัฐ หรือสวัสดิการอื่นใด หรือจากประกันภัยอื่นมาแล้ว บริษัทจะรับผิดชอบเพียงจำนวนเงินค่ารักษาพยาบาลและค่าการพยาบาลส่วนที่ขาด เท่านั้น
ข้อยกเว้น
การจำแนกอาชีพ
ปัจจัยที่สำคัญที่สุดในการ กำหนดอัตราเบี้ยประกันภัย คือ ความเสี่ยงของอาชีพ อาชีพที่มีความเสี่ยงสูง ย่อมจะเสียเบี้ยประกันภัยในอัตราสูงกว่าอาชีพที่มีความเสียงภัยน้อยกว่า แบ่งออกเป็น 4 ประเภท ใหญ่ ๆ คือ
ประเภทอาชีพชั้น 1 หมายถึง เจ้าของ ผู้ปฏิบัติงานด้านบริหาร หรืองานจัดการงานเสมียนหรืองานขาย ในธุรกิจหรือการค้า ซึ่งส่วนใหญ่ทำงานประจำในสำนักงาน และรวมถึงการทำงานฝีมือที่ไม่ใช้เครื่องจักร ลักษณะ งาน : เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุระดับต่ำ
ประเภทอาชีพชั้น 2 หมายถึง เจ้าของผู้ปฏิบัติงานด้านการจัดการ หรือพนักงานในธุรกิจการค้าซึ่งทำงานนอกสำนักงานเป็นครั้งคราว หรือเป็นผู้ปฏิบัติงานทางด้านอุตสาหกรรม ซึ่งส่วนใหญ่เป็นอาชีพเฉพาะหรือกึ่งอาชีพเฉพาะ และบางครั้งอาจมีการใช้เครื่องจักรหรือเป็นผู้ปฏิบัติลักษณะงานที่ใช้ วิชาชีพที่ต้องทำงานกลางแจ้งเกือบตลอดเวลา ลักษณะงาน : เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุระดับปานกลาง
ประเภทอาชีพชั้น 3 หมายถึง ผู้ปฏิบัติงานในด้านช่าง หรือกระบวนการผลิต หรือการบริการ ซึ่งส่วนใหญ่มีการใช้เครื่องจักรกลหนักหรือเป็นผู้ใช้แรงงาน ตลอดจนผู้ปฏิบัติงานเกี่ยวกับการขนส่งที่มีการเดินทางหรือทำงานนอกสำนักงาน เป็นประจำ ลักษณะงาน : เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุในระดับสูง
ประเภทอาชีพชั้น 4 หมายถึง ผู้ปฏิบัติงานที่มีอาชีพพิเศษ ซึ่งไม่สามารถจัดเข้าประเภทอาชีพชั้น 1 2 หรือชั้น 3 ลักษณะงาน : เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุมากเป็นพิเศษ
ผู้รับผลประโยชน์
ควรระบุชื่อผู้รับผลประโยชน์ โดยพิจารณาจากบุคคลที่มีส่วนได้ส่วนเสียหากเกิดเหตุกับผู้ที่เอาประกันภัย อันได้แก่ บุคคล 5 บุคคล คือ
1. สามี 2. ภรรยา 3. บิดา 4. มารดา 5. บุตร